ประกาศความเป็นส่วนตัวสำหรับลูกค้า คู่ค้า
(Privacy Notice for Customers , Business Partners)
บริษัท ไทย เฟอโรแมกซ์ จำกัด ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า (“บริษัท”) ได้ตระหนักและให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ในเรื่องการเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของลูกค้า เป็นสำคัญ
คำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (“ประกาศ”) ฉบับนี้จึงถูกจัดทำขึ้นเพื่อให้ท่านในฐานะลูกค้า ได้ทราบและเข้าใจรูปแบบ วัตถุประสงค์ วิธีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย (รวมเรียกว่า “ประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งสิทธิต่าง ๆ ของท่านภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
คำนิยาม
“บริษัท” หมายความว่า บริษัท ไทย เฟอโรแมกซ์ จำกัด
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ เช่น ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ เลขประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง เลขประจำตัวผู้เสียภาษี เลขบัญชีธนาคาร ที่อยู่อีเมล เป็นต้น
“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายความว่า ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
“ลูกค้า” หมายความว่า บุคคลธรรมดาใด ๆ ที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลมา เช่น ลูกค้าผู้ที่จะซื้อสินค้าหรือ ซื้อสินค้า และ/หรือใช้บริการของบริษัท ผู้ที่เป็นลูกค้าปัจจุบัน ผู้ที่เคยเป็นลูกค้า ลูกค้าในอดีต ผู้ที่อาจจะเป็นลูกค้าในอนาคต และบุคคลอื่นที่ติดต่อสอบถามข้อมูลสินค้า และ/หรือบริการผ่านสื่อต่าง ๆ รวมถึงบุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้อง หรือเป็นตัวแทนของนิติบุคคลที่เป็นลูกค้า เช่น ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง ตัวแทน ผู้แทน หรือบุคคลธรรมดาอื่นใด และบุคคลที่มีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกรรมระหว่าง บริษัท กับนิติบุคคลนั้น เช่น ผู้ประสานงาน ผู้สั่งซื้อ ผู้รับสินค้า ผู้สั่งจ่ายเช็ค เป็นต้น
“คู่ค้า” หมายความว่า บุคคลที่จะขายหรือขายสินค้า และ/หรือบริการให้แก่ บริษัท ไม่ว่าจะได้ขึ้นทะเบียนเป็นคู่ค้ากับ บริษัท หรือไม่ เช่น ซัพพลายเออร์ คู่สัญญา ผู้ให้บริการ ที่ปรึกษา เป็นต้น และให้หมายความรวมถึงบุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องหรือเป็นตัวแทนของนิติบุคคลซึ่งเป็นคู่ค้า เช่น ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง ตัวแทน ผู้แทน หรือบุคคลธรรมดาอื่นใด และบุคคลที่มีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกรรมระหว่าง บริษัท กับ นิติบุคคลนั้น เช่น ผู้ประสานงาน ผู้ส่งสินค้า ผู้สั่งจ่ายเช็ค เป็นต้น รวมทั้งบุคคลที่นิติบุคคลนั้นได้ให้ข้อมูลไว้แก่ บริษัท ด้วย
บริษัทดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้ฐานกฎหมายและฐานอื่นๆ ดังต่อไปนี้
- ฐานกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
(1) ฐานการปฏิบัติตามสัญญา สำหรับการเริ่มต้นทำสัญญาหรือการเข้าทำสัญญาหรือปฏิบัติตามสัญญากับท่าน
(2) ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท
(3) ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย ของบริษัทและของบุคคลภายนอก
(4) ฐานการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
(5) ฐานประโยชน์สาธารณะ สำหรับการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐ
(6) ฐานความยินยอม สำหรับกรณีที่ไม่สามารถใช้ฐานกฎหมายอื่นใดได้
- วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
2.1 ในกรณีที่ท่านเป็นลูกค้า ของบริษัทดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
- เพื่อดำเนินการตามคำขอซื้อสินค้าและหรือใช้บริการ ของท่านก่อนเข้าทำสัญญา และการดำเนินการใด ๆ หลังจากที่ท่านเข้าทำสัญญาแล้ว การจัดการกับความสัมพันธ์ทางสัญญาระหว่างบริษัทกับท่าน เช่น การทำใบเสนอราคา การส่งสินค้า การให้บริการ การเรียกเก็บค่าใช้จ่าย การจัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการดำเนินการอื่นใด ที่เป็นไปตามสัญญาบริการของบริษัท เป็นต้น
- เพื่อบริหารจัดการดำเนินธุรกรรมทางการเงินและธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงิน การคืนเงิน การออกใบสำคัญรับเงิน ใบเสร็จ ใบแจ้งหนี้ เพื่อดำเนินการและติดตามผลการให้บริการของบริษัท รวมถึงการตรวจสอบและการยืนยันและยกเลิกธุรกรรม กับธนาคาร สถาบันการเงิน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสรรพากร และหน่วยงานภายนอกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
- เพื่อติดต่อและสื่อสาร ประสานงาน ให้บริการ นำเสนอข้อมูลทางการตลาด การแจ้งเตือน ข่าวสาร และข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของบริษัทให้แก่ท่าน และเพื่อประมวลผลและปรับปรุงแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้เป็นปัจจุบัน
- เพื่อการประชาสัมพันธ์ รายงานหรือกิจกรรมต่าง ๆของบริษัทในช่องทางต่าง ๆ ต่อสาธารณะ เช่น เว็บไซต์ของบริษัท เครือข่ายสังคมออนไลน์ แพลตฟอร์มดิจิทัล เป็นต้น
- เพื่อดำเนินการวางแผน การรายงาน การคาดการณ์ทางธุรกิจ การบริหารความเสี่ยง และการบริหารความสัมพันธ์ รวมถึงการสำรวจความคิดเห็น เพื่อนำมาวิเคราะห์ ปรับปรุงการดำเนินงาน และพัฒนาสินค้า การให้บริการ ของบริษัท เพื่อให้เหมาะสมและตรงตามความต้องการของท่าน
- เพื่อจัดการในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นคำถาม คำขอ คำติชม ผลตอบรับ คำร้องเรียน ข้อเรียกร้อง ข้อพิพาท หรือการเยียวยาชดใช้ค่าเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาทางเทคนิค เพื่อแจ้งการดำเนินการแก้ไขปัญหาให้แก่ท่าน และสำรวจความคิดเห็นและความพึงพอใจของท่านต่อบริษัท
2.2 ในกรณีที่ท่านเป็นคู่ค้า ของบริษัทดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
- เพื่อการดำเนินการตามกระบวนการต่าง ๆ ก่อนเข้าทำสัญญา เช่น
- การขึ้นทะเบียนคู่ค้า
- การพิจารณาคุณสมบัติของคู่ค้า
- การจัดเตรียมข้อมูลก่อนเข้าสู่กระบวนการการจัดซื้อจัดจ้าง เช่น การสืบและจัดทำราคากลาง, การระบุชื่อและรายละเอียดของคู่ค้าในระบบภายในของบริษัท เป็นต้น
- การซื้อหรือรับแบบประมูล การเข้ารับฟังการชี้แจง การนำเสนอผลงานที่เกี่ยวข้องกับงานจัดซื้อจัดจ้าง (แล้วแต่กรณี) ต่อรองราคา การประกาศผลผู้ชนะ
- การเชิญเสนอราคา การเสนอราคา การตรวจสอบอำนาจ การมอบอำนาจและการรับมอบอำนาจในการยื่นเอกสารเสนอราคาของผู้เสนอราคา และการพิจารณาคุณสมบัติของผู้เสนอราคากับ บริษัท ตามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของ บริษัท รวมถึงกรณีที่ผู้เสนอเป็นผู้ให้บริการ ที่ปรึกษากฎหมาย ที่ปรึกษาบัญชี ที่ปรึกษาธุรกิจ และที่ปรึกษาภาษี ผู้สอบบัญชี ที่ปรึกษาทางการเงิน สถาบันการเงิน ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาระบบบัญชีและการเงิน
- การจัดทำ Confidentiality Agreement
- เพื่อความจำเป็นในการทำธุรกรรมระหว่างคู่ค้ากับบริษัท เช่น
- การตรวจสอบยืนยันตัวตน การตรวจสอบอำนาจ การมอบอำนาจและการรับมอบอำนาจ รวมทั้งเพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง
- การดำเนินการตามกฎ ระเบียบ และกระบวนการภายในต่าง ๆ ของบริษัท
- การพิจารณา จัดทำ และลงนามในสัญญาทางการค้า
- การปฏิบัติตามสัญญาว่าจ้าง สัญญาบริการ สัญญาทางการค้าอื่น ๆ และความตกลงหรือความร่วมมือที่เกี่ยวข้อง ระหว่าง บริษัท และคู่สัญญา รวมถึงกระบวนการขอและพิจารณาเอกสารที่เกี่ยวข้องอันอาจมีข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการบริษัทซึ่งเป็นบุคคลภายนอกหรือผู้แทนจากหน่วยงานรัฐ
- การตรวจรับงานตามสัญญาระหว่างบริษัท และคู่ค้า การบริหารพัสดุและสินค้าเชิงพาณิชย์ การออกหนังสือรับรองผลงาน จนแล้วเสร็จ
- เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมระหว่างคู่ค้ากับ บริษัท เช่น
- กฎหมายเกี่ยวกับจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานรัฐ กฎหมายว่าด้วยภาษีอากร กฎหมายในการตรวจสอบสิทธิประโยชน์ในที่ดิน กฎหมายว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม
โดยทั่วไปแล้ว ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัท จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยการขอหรือสอบถามข้อมูลเหล่านั้นจากท่านเองโดยตรง อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี บริษัท อาจมีการเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านจากแหล่งอื่น เช่น บริษัทต้นสังกัดของท่าน พนักงาน เลขานุการหรือผู้ประสานงานแทนของท่าน หน่วยงานราชการหรือหน่วยงานของรัฐ หรือแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ซึ่งเปิดเผยสาธารณะ เช่น เว็บไซต์ ข้อมูลที่ค้นหาได้ทางอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
3.1. ข้อมูลและรายการข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม มีดังนี้
ประเภทของข้อมูล | รายการข้อมูลส่วนบุคคล |
1. ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป | ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น วัน/เดือน/ปีเกิด อายุ เพศ รูปถ่าย สัญชาติ สถานภาพ ที่อยู่ที่ติดต่อได้ปัจจุบัน ตามทะเบียนบ้าน อีเมล เบอร์โทรศัพท์มือถือ เลขบัตรประจำตัวประชาชน ข้อมูลใบขับขี่ เลขประจำตัวใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ตำแหน่งงาน ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ข้อร้องเรียน เป็นต้น |
2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว | เชื้อชาติ ข้อมูลสุขภาพ ศาสนา ข้อมูลชีวภาพ ประวัติอาชญากรรม เป็นต้น |
3. ข้อมูลที่เก็บโดยการใช้เทคโนโลยีตรวจจับหรือติดตามพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ www.thaiferromax.co.th ของท่าน | เว็บไซต์คุกกี้ ข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ ข้อมูลการใช้อุปกรณ์สื่อสาร คอมพิวเตอร์ อีเมล อินเตอร์เน็ต เป็นต้น |
4. ข้อมูลทางการเงิน | เลขบัญชีธนาคาร ประเภทบัญชีธนาคาร ข้อมูลพร้อมเพย์ รายละเอียดการจ่ายเงิน เป็นต้น |
5. ข้อมูลภาพและเสียง | ข้อมูลภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวของท่าน ที่บริษัทอาจเก็บรวบรวมได้จากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด กล้องถ่ายภาพเมื่อมีการเข้าถึงพื้นที่ของภายในอาคารสำนักงาน หรือสถานที่ที่อยู่ในความดูแลของเราและในงานกิจกรรม งานประชุม หรืองานสัมมนาต่าง ๆ ที่บริษัทจัดขึ้น เป็นต้น |
กรณีบริษัทได้รับสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือเอกสารอื่นใดของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตัวตนในการก่อนิติสัมพันธ์ทางกฎหมาย และ/หรือการทำธุรกรรมใด ๆ กับบริษัทข้อมูลที่ได้รับอาจจะมีข้อมูลศาสนาหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data) บริษัทไม่มีนโยบายจัดเก็บจากท่าน ยกเว้นกรณีที่บริษัทได้รับความยินยอมหรือมีฐานทางกฎหมายอื่นในการประมวลผล
ทั้งนี้ ในกรณีที่บริษัทได้รับข้อมูลศาสนาหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data) ที่ปรากฏในเอกสารเกี่ยวกับการยืนยันตัวตน โดยที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมหรือไม่ได้ทำการปกปิดไว้หรือบริษัทไม่มีฐานทางกฎหมายในการประมวลผล ท่านรับทราบและเข้าใจว่าบริษัทจะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวิธีการจัดการที่เหมาะสม เช่น การถมดำ การขีดทับ เพื่อให้เป็นไปตามหลักการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจได้รับข้อมูลบุคคลที่สามที่เกี่ยวข้องกับท่านโดยท่านเป็นผู้ให้ข้อมูลกับบริษัท เช่น บุคคลติดต่อกรณีฉุกเฉิน เป็นต้น ซึ่งบริษัทใช้ข้อมูลเพื่อติดต่อในกรณีฉุกเฉิน โปรดแจ้งประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้แก่บุคคลที่สามและขอความยินยอมจากบุคคลดังกล่าวหากจำเป็น เว้นแต่ว่ามีข้อยกเว้นตามกฎหมายที่บริษัทไม่ต้องขอความยินยอม
บริษัทจะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ (บุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ กล่าวคือ อายุไม่ถึง 20 ปีบริบูรณ์ หรือยังไม่บรรลุนิติภาวะโดยการสมรสหรือกรณีอื่นตามที่กฎหมายกำหนด) คนเสมือนไร้ความสามารถ คนไร้ความสามารถ หากไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครอง ผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ ตามแต่กรณี หรือหากไม่ได้อาศัยฐานทางกฎหมายอื่นใด ทั้งนี้ หากบริษัททราบว่าได้เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลเหล่านี้ โดยมิได้รับความยินยอมและโดยไม่ได้อาศัยฐานทางกฎหมายอื่น บริษัทจะดำเนินการลบข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวทันทีที่บริษัททราบ
- การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลหรือนิติบุคคลประเภทดังต่อไปนี้
4.1 บริษัทในเครือ คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ
4.2 ผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นกู้ และตัวแทนของบุคคลดังกล่าว
4.3 ธนาคาร หรือสถาบันการเงิน
4.4 หน่วยงาน องค์กร หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการใช้สิทธิเรียกร้อง การดำเนินคดี การโต้แย้งข้อร้องเรียนหรือข้อกล่าวหา การต่อสู้คดี ของบริษัท เช่น คู่ความในคดี พยาน เป็นต้น
4.5 ตัวแทน ผู้รับจ้าง/ผู้รับจ้างช่วง และ/หรือผู้ให้บริการสำหรับการดำเนินงานใด ๆ ให้แก่บริษัท เช่น ที่ปรึกษาทางวิชาชีพ ผู้ให้บริการขนส่ง บริษัทรับจ้างทำกิจกรรมทางการตลาด บริษัทรับจ้างจัดหาที่พักและการเดินทาง บริษัทรับดำเนินการจัดกิจกรรม งานอบรม หรืองานสัมมนา ผู้รับจ้างจัดกิจกรรม ผู้รับจ้างผลิตสื่อ ผู้รับจ้างประชาสัมพันธ์ ผู้รับประกันภัย ผู้สอบบัญชี ที่ปรึกษากฎหมาย เป็นต้น
4.6 ผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญากรณีมีการดำเนินโครงการหรือทำธุรกิจร่วมกัน
4.7 ผู้รับโอนสิทธิหน้าที่และประโยชน์ใด ๆ จาก บริษัท รวมถึงผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้รับโอนดังกล่าวให้ดำเนินการแทน เช่น กรณีปรับโครงสร้าง การควบรวมกิจการ การแยก หรือ การโอนกิจการ เป็นต้น
4.8 หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล หรือหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด ในบางกรณี บริษัทอาจจะจำเป็นที่จะต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับหน่วยงานรัฐบาล หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ศาล กรมสรรพากรเจ้าพนักงาน หน่วยงานรัฐ ผู้บังคับใช้กฎหมาย หรือบุคคลอื่น ในกรณีที่บริษัทมีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเป็นจะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือข้อบังคับทางกฎหมาย หรือเพื่อปกป้องสิทธิของบริษัท สิทธิของบุคคลอื่น หรือเพื่อความปลอดภัย เพื่อตรวจสอบ ป้องกัน จัดการเกี่ยวกับปัญหาการทุจริต เป็นต้น
- สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ของท่าน
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ในความควบคุมของท่านได้มากขึ้น โดยท่านสามารถใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
5.1. สิทธิในการเข้าถึง รับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัท เก็บรวบรวมโดยไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมายหรือคำสั่งศาลและกรณีที่การขอเข้าถึงและรับสำเนาของท่านจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
5.2. สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล ของท่านที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน เพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
5.3. สิทธิในการขอให้องค์กรระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ของท่านในกรณีหนึ่งกรณีใดดังต่อไปนี้
5.3.1. เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่บริษัททำการตรวจสอบตามคำร้องขอของท่านให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน
5.3.2. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
5.3.3. เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้แจ้งแก่ท่านในการเก็บรวบรวม แต่ท่านประสงค์ให้บริษัทเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปเพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมายของท่าน
5.3.4. เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่บริษัทกำลังพิสูจน์ให้ท่านเห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือตรวจสอบความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์สาธารณะ อันเนื่องมาจากการที่ท่านได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
5.4. สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ของท่าน เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น บริษัทสามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะตามภารกิจของบริษัท
5.5 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม หากท่านได้ให้ความยินยอมให้บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่
ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่าน อาจส่งผลกระทบต่อการพิจารณางาน สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ท่านพึงได้จากบริษัท หรือไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์แก่ท่าน เป็นต้น เพื่อประโยชน์ของท่านจึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม
5.6 สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น รวมถึงมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค
ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการประมวลผล หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องประมวลผลเพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนใช้บริการของบริษัท หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด
5.7 สิทธิในการขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกประมวลผลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว
5.8 สิทธิร้องเรียน ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
หากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติของบริษัทเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัท โดยใช้รายละเอียดการติดต่อตามประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ทั้งนี้ ในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบริษัท ได้ทำการฝ่าฝืนกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามระเบียบและวิธีการตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
ในกรณีที่ท่านยื่นคำร้องขอใช้สิทธิภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อบริษัทได้รับคำร้องขอดังกล่าวแล้ว จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยบริษัทมีสิทธิและดุลพินิจแต่เพียงผู้เดียวในการตอบรับเพื่อดำเนินการตามคำร้องขอหรือปฏิเสธคำขอของท่าน ทั้งนี้ บริษัทขอสงวนสิทธิที่จะปฏิเสธหรือไม่ดำเนินการตามคำร้องขอดังกล่าวในกรณีที่กฎหมายกำหนด เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น หากบริษัทปฏิเสธคำขอข้างต้น บริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบด้วย
- ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในแบบแจ้งฉบับนี้ หลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ ได้แก่ ระยะเวลาที่บริษัท ยังคงจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ และอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในองค์กรของบริษัท
- การรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทมีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเหมาะสม ทั้งในเชิงเทคนิคและการบริหารจัดการ เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย หรือมีการเข้าถึง ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต
นอกจากนี้ บริษัทได้กำหนดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ขึ้นโดยประกาศให้ทราบกันโดยทั่วทั้งองค์กร พร้อมแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยธำรงไว้ซึ่งความเป็นความลับ ความถูกต้องครบถ้วน และสภาพพร้อมใช้งาน ของข้อมูลส่วนบุคคล โดยได้จัดให้มีการทบทวนนโยบายดังกล่าวรวมถึงประกาศนี้ในระยะเวลาตามที่เหมาะสม ปรับปรุงขั้นตอนและมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นปัจจุบันสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ระดับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสมกับความเสี่ยง
- การส่งหรือเปิดเผยข้อมูลไปต่างประเทศ
บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศในกรณีที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านเป็นคู่สัญญา หรือเป็นการกระทำตามสัญญาระหว่างบริษัทกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของท่าน หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญา หรือเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการจำเป็นเพื่อดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ หรือขอความยินยอมจากท่าน รวมถึงบริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสม และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ
- การเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ของบุคคลภายนอก
ในการใช้บริการแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ของบริษัท อาจมีลิงก์เชื่อมต่อไปยังเครือข่ายสังคมออนไลน์ แพลตฟอร์ม และเว็บไซต์อื่นที่มีบุคคลภายนอกเป็นผู้ดำเนินการ บริษัทไม่สามารถรับผิดชอบในเนื้อหาหรือมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์อื่นนั้น เว้นแต่จะกำหนดไว้เป็นประการอื่น ข้อมูลส่วนบุคคลใดที่ท่านให้แก่เว็บไซต์ของบุคคลภายนอกนั้นจะถูกเก็บรวบรวมโดยบุคคลดังกล่าวและอยู่ภายใต้ประกาศหรือนโยบายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกดังกล่าว (หากมี) ในกรณีเช่นว่านี้ บริษัทขอให้ท่านศึกษาและปฏิบัติตามประกาศหรือนโยบายเกี่ยวกับคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในเว็บไซต์นั้นแยกต่างหากจากของบริษัท
- การเปลี่ยนแปลงแก้ไขประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว
บริษัทอาจพิจารณาปรับปรุง แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงประกาศนี้ตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ท่านทราบผ่าน เว็บไซต์ อีเมล จดหมาย หรือช่องทางอื่นใดที่เหมาะสม โดยมีวันที่ของเวอร์ชั่นล่าสุดกำกับอยู่ตอนท้าย อย่างไรก็ดี บริษัทขอแนะนำให้ท่านโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบประกาศฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนที่ท่านจ้ะทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
- การติดต่อสอบถาม
หากท่านมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการประมวลผล สามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับประกาศฉบับนี้ได้ที่
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)
– ชื่อ : บริษัท ไทย เฟอโรแมกซ์ จำกัด
– สถานที่ติดต่อ : 638 ซอยสุขสวัสดิ์ 35 ถนนสุขสวัสดิ์ แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ 10140
– อีเมล : tfm_official@thaiferromax.co.th
– เบอร์โทร : 02-816-8988
จัดทำนโยบายโดย บริษัท ไทย เฟอโรแมกซ์ จำกัด (สำนักงานใหญ่) (www.thaiferromax.co.th) Update : 1 กันยายน 2568